กต.ไม่ให้ค่าเฟกนิวส์เขมร ชี้ไม่มีมูล
发布时间:2025-11-24 22:08:13 作者:玩站小弟
我要评论
นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูช
telegram官网下载。
กตไม่ให้ค่าเฟกนิวส์เขมรชี้ไม่มีมูลtelegram官网下载
นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า การลงพื้นที่ของผู้สังเกตการณ์ (AOT) ตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่ห้วยตามาเรีย จ.ศรีสะเกษ และบ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว ซึ่งผู้สังเกตการณ์มีการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อรับฟังข้อเท็จจริงจากเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานและประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งมีการสะท้อนความจริงใจ
จากนั้น วันที่ 17 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา คณะ AOT ลงพื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี มีการตรวจพบทุ่นระเบิดใหม่ ขณะเดียวกันได้ลงไปที่ จ.ศรีสะเกษ ก่อนวันที่ 18 พฤศจิกายน คณะ AOT ลงพื้นที่ ปราสาทคนา อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์
นายนิกรเดช ยังระบุถึงการเผยแพร่ข้อมูลเท็จและการบิดเบือนจากฝั่งกัมพูชา เพราะฝั่งกัมพูชายังคงใช้สงครามข้อมูลข่าวสาร โดยการเผยแพร่ข้อมูลเท็จอย่างต่อเนื่อง เช่น การกล่าวหาว่าทหารไทยเตรียมการโจมตีพื้นที่ธมอดาและโอพลุกด็อมเร็ย จ.โพธิสัตย์ ในวันที่ 18 พฤศจิกายน ซึ่งมีการยืนยันแล้วว่าไม่เป็นความจริง
ขณะเดียวกัน มีการกล่าวหาเจ้าหน้าที่ไทยทำร้ายร่างกายและล่วงละเมิดผู้ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายที่ จ.จันทบุรี โดยไทยขอประณามการกล่าวหาดังกล่าวของกัมพูชา ซึ่งจากการตรวจสอบจากทุกหน่วยงาน ยืนยันว่าไม่พบเหตุดังกล่าว และไม่มีทหารหน่วยงานใดกระทำดังตามที่กล่าวอ้าง ยืนยันว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่ไทยเป็นไปตามกฎหมาย ย้ำว่าในการดูแลผู้หลบหนีเข้าเมืองจะมีสักขีพยานดูแลตลอด ยืนยันไทยเคารพ ยึดมั่นตามกฎหมายสากล และสิทธิมนุษยชน ดังนั้นไทยไม่ให้ค่าในข้อกล่าวหาดังกล่าว ข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูล เจตนาร้าย ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบันที่สงครามข่าวสารปะทุขึ้นอีกครั้ง ขอความร่วมมือจากประชาชนให้ความระมัดระวังการบริโภคข่าวสารโดยตรวจสอบข้อมูลได้จากแหล่งข่าวทางการ ขณะเดียวกันขอความร่วมมือสื่อมวลชนตรวจสอบข้อมูลอย่างถี่ถ้วนก่อนมีการเสนอรายงานข่าว เพื่อหลีกเลี่ยงการเผยแพร่คำปลอบและสร้างความเข้าใจและสร้างความเสียหายโดยไม่ได้ตั้งใจ
นายนิกรเดช ยังระบุถึงการประสานงานระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ภายหลังการหารือระหว่างนายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กับนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ด้วยว่า ล่าสุดเมื่อวานนี้ (18 พ.ย.) นายกรัฐมนตรีมีหนังสือ 1 ฉบับ ถึงนายโดนัลด์ ทรัมป์ ย้ำถึงการละเมิด Joint Declaration ของกัมพูชา โดยขอให้กัมพูชาไม่ขัดขวางการปฎิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดของไทย และแสดงความจริงใจที่จะปฏิบัติตาม Joint Declaration และกลับสู่เส้นทางสันติภาพร่วมกับไทย โดยท่าทีของไทยกับการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ยังคงเป็นเหมือนเดิม เพราะเป็นการแยก 2 ประเด็นนี้ ออกจากกัน คือ ประเด็นความมั่นคงและเรื่องการค้า ที่สำคัญฝ่ายไทยไม่เห็นด้วยกับการผูกสองเรื่องนี้ไว้ด้วยกัน แต่หากสหรัฐฯ จะมีบทบาทที่สร้างสรรค์ในเรื่องนี้ ก็ขอให้สหรัฐฯ กดดันกัมพูชาให้ปฏิบัติตาม Joint Declaration อย่างเคร่งครัดด้วย ขอให้มั่นใจว่า หน่วยงานไทยทุกหน่วยงานจะดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องไทยทุกมิติ
ส่วนความคืบหน้าการเจรจาภาษีและกรณีที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (USTR) ขอระงับการเจรจากรอบความตกลงการค้าต่างตอบแทนระหว่างไทยกับสหรัฐฯ นายนิกรเดช ระบุว่าเคลียร์ที่สุดเท่าที่จะเคลียร์ได้แล้ว ยืนยันว่า นายกฯ ได้พูดกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ โดยขอให้ยึดสิ่งที่นายกฯ ได้พูดคุยกับโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นหลัก ขอให้แยกเรื่องดังกล่าวออกจากกัน เราจะเดินหน้าเจรจาการค้าตามปกติ ในชั้นนี้ก็รอให้ฝ่ายสหรัฐฯ ตอบกลับมาอย่างเป็นทางการ คงตอบแทนทางฝั่งเขาไม่ได้ เรามั่นใจว่าสิ่งที่เรายึดถือตอนนี้คือความเข้าใจตามที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ทำได้แจ้งต่อนายกฯ รอให้มีการเจรจานัดถัดไปตามวาระปกติของฝ่ายเจรจา
ทั้งนี้ การคุยกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ เกิดขึ้นก่อนมีหนังสือขอระงับการเจรจาหรือไม่ นายนิกรเดช กล่าวว่า นายกฯ พูดคุยกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 ในฐานะที่เป็นผู้สังเกตการณ์ตามถ้อยแถลง ส่วนอะไรจะเกิดขึ้นก่อนกันตนเองไม่แน่ใจ แต่วันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 มีการโทรศัพท์ระหว่างกัน เป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพราะหนังสือดังกล่าวออกจาก USTR
ในหลักการจะต้องฟังนโยบายจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ดังนั้นหนังสือจึงไม่มีนัยสำคัญ สำหรับประเทศไทยสิ่งสำคัญคือ ผู้นำประเทศ นายกฯ ได้คุยกับนายโดนัลด ทรัมป์ และในการพูดคุยไม่ได้พูดคุยเรื่องภาษีอย่างเดียว เป็นการพูดคุยเรื่องปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเราได้อธิบายท่าทีว่าเรามั่นใจว่าเราเป็นผู้ละเมิดถ้อยแถลง เราคิดว่าสหรัฐฯ อาจจะช่วยกดดันให้กัมพูชาที่เป็นผู้ละเมิดสามารถปฏิบัติตามถ้อยแถลงได้ เราสื่อสารสิ่งสำคัญเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้เราสามารถกลับมาดำเนินการตามถ้อยแถลงได้ สหรัฐฯ ก็จะมีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้
นายกรัฐมนตรียังโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้แตะเรื่องภาษี แต่ตอนท้ายมีการพูดเรื่อง เก็บกู้ทุ่นระเบิด หากเราเก็บกู้หมดก็ขอให้ช่วยพิจารณาเรื่องภาษีด้วย ส่วนตัวฯ มองว่านายกฯ พูดชัดเจนว่าเราต้องการอะไร และเราพร้อมดำเนินการหากมีความคืบหน้าในเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิด นายโดนัลด์ ทรัมป์ ก็แสดงความเข้าใจด้วยดี เราจึงยึดถือสิ่งนี้เป็นหลัก
ส่วนกรณีที่สหรัฐฯ ประกาศจะลดภาษี 2% ตามที่นายกฯ ให้สัมภาษณ์นั้น ซึ่งมีการเอาเรื่องความมั่นคงมาโยงกับการเจรจาภาษี นายนิกรเดช ยืนยันว่า เรื่องนี้เราไม่ได้เป็นคนเริ่ม เราไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับการโยงอะไรทั้งนั้น การเจรจาการค้าเป็นเรื่องบวกทั้งสหรัฐฯ และไทย แต่เมื่อมีการพูดขึ้นมาว่าเราละเมิด และหากเราละเมิดก็จะกระทบการเจรจาการค้า เราจึงตอบตามโจทย์ที่มีการโยง แต่เราไม่ต้องการโยง และนายกฯ ยืนยันว่าทั้งสองเรื่องแยกออกจากกัน แต่ถ้าประเทศไหนต้องการโยงเรื่องนี้ มองว่าควรจะกดดัน จะรู้สึกขอบคุณมากกว่าหากจะเล่นบทสร้างสรรค์ กดดันประเทศที่ละเมิด นั่นคือท่าทีของไทย ซึ่งสหรัฐฯไม่ได้รับปาก เพียงแต่บอกว่าจะไปคุยให้
นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า การลงพื้นที่ของผู้สังเกตการณ์ (AOT) ตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่ห้วยตามาเรีย จ.ศรีสะเกษ และบ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว ซึ่งผู้สังเกตการณ์มีการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อรับฟังข้อเท็จจริงจากเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานและประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งมีการสะท้อนความจริงใจ
จากนั้น วันที่ 17 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา คณะ AOT ลงพื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี มีการตรวจพบทุ่นระเบิดใหม่ ขณะเดียวกันได้ลงไปที่ จ.ศรีสะเกษ ก่อนวันที่ 18 พฤศจิกายน คณะ AOT ลงพื้นที่ ปราสาทคนา อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์
นายนิกรเดช ยังระบุถึงการเผยแพร่ข้อมูลเท็จและการบิดเบือนจากฝั่งกัมพูชา เพราะฝั่งกัมพูชายังคงใช้สงครามข้อมูลข่าวสาร โดยการเผยแพร่ข้อมูลเท็จอย่างต่อเนื่อง เช่น การกล่าวหาว่าทหารไทยเตรียมการโจมตีพื้นที่ธมอดาและโอพลุกด็อมเร็ย จ.โพธิสัตย์ ในวันที่ 18 พฤศจิกายน ซึ่งมีการยืนยันแล้วว่าไม่เป็นความจริง
ขณะเดียวกัน มีการกล่าวหาเจ้าหน้าที่ไทยทำร้ายร่างกายและล่วงละเมิดผู้ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายที่ จ.จันทบุรี โดยไทยขอประณามการกล่าวหาดังกล่าวของกัมพูชา ซึ่งจากการตรวจสอบจากทุกหน่วยงาน ยืนยันว่าไม่พบเหตุดังกล่าว และไม่มีทหารหน่วยงานใดกระทำดังตามที่กล่าวอ้าง ยืนยันว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่ไทยเป็นไปตามกฎหมาย ย้ำว่าในการดูแลผู้หลบหนีเข้าเมืองจะมีสักขีพยานดูแลตลอด ยืนยันไทยเคารพ ยึดมั่นตามกฎหมายสากล และสิทธิมนุษยชน ดังนั้นไทยไม่ให้ค่าในข้อกล่าวหาดังกล่าว ข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูล เจตนาร้าย ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบันที่สงครามข่าวสารปะทุขึ้นอีกครั้ง ขอความร่วมมือจากประชาชนให้ความระมัดระวังการบริโภคข่าวสารโดยตรวจสอบข้อมูลได้จากแหล่งข่าวทางการ ขณะเดียวกันขอความร่วมมือสื่อมวลชนตรวจสอบข้อมูลอย่างถี่ถ้วนก่อนมีการเสนอรายงานข่าว เพื่อหลีกเลี่ยงการเผยแพร่คำปลอบและสร้างความเข้าใจและสร้างความเสียหายโดยไม่ได้ตั้งใจ
นายนิกรเดช ยังระบุถึงการประสานงานระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ภายหลังการหารือระหว่างนายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กับนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ด้วยว่า ล่าสุดเมื่อวานนี้ (18 พ.ย.) นายกรัฐมนตรีมีหนังสือ 1 ฉบับ ถึงนายโดนัลด์ ทรัมป์ ย้ำถึงการละเมิด Joint Declaration ของกัมพูชา โดยขอให้กัมพูชาไม่ขัดขวางการปฎิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดของไทย และแสดงความจริงใจที่จะปฏิบัติตาม Joint Declaration และกลับสู่เส้นทางสันติภาพร่วมกับไทย โดยท่าทีของไทยกับการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ยังคงเป็นเหมือนเดิม เพราะเป็นการแยก 2 ประเด็นนี้ ออกจากกัน คือ ประเด็นความมั่นคงและเรื่องการค้า ที่สำคัญฝ่ายไทยไม่เห็นด้วยกับการผูกสองเรื่องนี้ไว้ด้วยกัน แต่หากสหรัฐฯ จะมีบทบาทที่สร้างสรรค์ในเรื่องนี้ ก็ขอให้สหรัฐฯ กดดันกัมพูชาให้ปฏิบัติตาม Joint Declaration อย่างเคร่งครัดด้วย ขอให้มั่นใจว่า หน่วยงานไทยทุกหน่วยงานจะดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องไทยทุกมิติ
ส่วนความคืบหน้าการเจรจาภาษีและกรณีที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (USTR) ขอระงับการเจรจากรอบความตกลงการค้าต่างตอบแทนระหว่างไทยกับสหรัฐฯ นายนิกรเดช ระบุว่าเคลียร์ที่สุดเท่าที่จะเคลียร์ได้แล้ว ยืนยันว่า นายกฯ ได้พูดกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ โดยขอให้ยึดสิ่งที่นายกฯ ได้พูดคุยกับโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นหลัก ขอให้แยกเรื่องดังกล่าวออกจากกัน เราจะเดินหน้าเจรจาการค้าตามปกติ ในชั้นนี้ก็รอให้ฝ่ายสหรัฐฯ ตอบกลับมาอย่างเป็นทางการ คงตอบแทนทางฝั่งเขาไม่ได้ เรามั่นใจว่าสิ่งที่เรายึดถือตอนนี้คือความเข้าใจตามที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ทำได้แจ้งต่อนายกฯ รอให้มีการเจรจานัดถัดไปตามวาระปกติของฝ่ายเจรจา
ทั้งนี้ การคุยกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ เกิดขึ้นก่อนมีหนังสือขอระงับการเจรจาหรือไม่ นายนิกรเดช กล่าวว่า นายกฯ พูดคุยกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 ในฐานะที่เป็นผู้สังเกตการณ์ตามถ้อยแถลง ส่วนอะไรจะเกิดขึ้นก่อนกันตนเองไม่แน่ใจ แต่วันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 มีการโทรศัพท์ระหว่างกัน เป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพราะหนังสือดังกล่าวออกจาก USTR
ในหลักการจะต้องฟังนโยบายจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ดังนั้นหนังสือจึงไม่มีนัยสำคัญ สำหรับประเทศไทยสิ่งสำคัญคือ ผู้นำประเทศ นายกฯ ได้คุยกับนายโดนัลด ทรัมป์ และในการพูดคุยไม่ได้พูดคุยเรื่องภาษีอย่างเดียว เป็นการพูดคุยเรื่องปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเราได้อธิบายท่าทีว่าเรามั่นใจว่าเราเป็นผู้ละเมิดถ้อยแถลง เราคิดว่าสหรัฐฯ อาจจะช่วยกดดันให้กัมพูชาที่เป็นผู้ละเมิดสามารถปฏิบัติตามถ้อยแถลงได้ เราสื่อสารสิ่งสำคัญเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้เราสามารถกลับมาดำเนินการตามถ้อยแถลงได้ สหรัฐฯ ก็จะมีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้
นายกรัฐมนตรียังโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้แตะเรื่องภาษี แต่ตอนท้ายมีการพูดเรื่อง เก็บกู้ทุ่นระเบิด หากเราเก็บกู้หมดก็ขอให้ช่วยพิจารณาเรื่องภาษีด้วย ส่วนตัวฯ มองว่านายกฯ พูดชัดเจนว่าเราต้องการอะไร และเราพร้อมดำเนินการหากมีความคืบหน้าในเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิด นายโดนัลด์ ทรัมป์ ก็แสดงความเข้าใจด้วยดี เราจึงยึดถือสิ่งนี้เป็นหลัก
ส่วนกรณีที่สหรัฐฯ ประกาศจะลดภาษี 2% ตามที่นายกฯ ให้สัมภาษณ์นั้น ซึ่งมีการเอาเรื่องความมั่นคงมาโยงกับการเจรจาภาษี นายนิกรเดช ยืนยันว่า เรื่องนี้เราไม่ได้เป็นคนเริ่ม เราไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับการโยงอะไรทั้งนั้น การเจรจาการค้าเป็นเรื่องบวกทั้งสหรัฐฯ และไทย แต่เมื่อมีการพูดขึ้นมาว่าเราละเมิด และหากเราละเมิดก็จะกระทบการเจรจาการค้า เราจึงตอบตามโจทย์ที่มีการโยง แต่เราไม่ต้องการโยง และนายกฯ ยืนยันว่าทั้งสองเรื่องแยกออกจากกัน แต่ถ้าประเทศไหนต้องการโยงเรื่องนี้ มองว่าควรจะกดดัน จะรู้สึกขอบคุณมากกว่าหากจะเล่นบทสร้างสรรค์ กดดันประเทศที่ละเมิด นั่นคือท่าทีของไทย ซึ่งสหรัฐฯไม่ได้รับปาก เพียงแต่บอกว่าจะไปคุยให้
相关文章

เจาะสาเหตุ ทำไมออสเตรเลียสั่งห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีใช้โซเชียลมีเดีย
'ปล่อยให้เด็กๆ รู้จักตัวเองก่อนโลกเป็นผู้กระทำ' เจาะสาเหตุ ทำไมออสเตรเลียสั่งห้ามเด็กอายุต2025-11-24
ESD是什么文件?ESD文件怎么安装windows系统我要评论 2016/12/13 09:35:11 来源2025-11-24
人工费是指在房子装修或建筑施工完成后,给进行施工的相关人员的费用。现在大家在房子装修的时候都要考虑到人工费,因为这也是一笔不小的开支,而现在有些业主装修房子的时候不知道人工费怎么计算,那么下面小编就给2025-11-24
△乌克兰总统泽连斯基资料图)乌克兰总统泽连斯基定于11月19日访问土耳其,以期“重启陷入僵局的俄乌和平谈判”。俄罗斯总统新闻秘书佩斯科夫18日说,俄方不会派代表参加19日将在土耳其举行的乌克兰问题会谈2025-11-24
我们曾报道过著名游戏导演横尾太郎坦言,在推进新游戏项目时面临重重阻碍。这位曾打造现象级作品《尼尔:机械纪元》的日本导演在G-CON 2025论坛的讨论中,驳斥了粉丝指责他怠惰的发言,称问题在于项目屡遭2025-11-24
运营助理试用期内对工作的总结总结是对过去一定时期的工作、学习或思想情况进行回顾、分析,并做出客观评价的书面材料,通过它可以全面地、系统地了解以往的学习和工作情况,因此我们需要回头归纳,写一份总结了。总2025-11-24

最新评论